สัญลักษณ์ที่ไม่ควรนำมาสัก มีอะไรบ้างนะ การสักเป็นวิธีการแสดงตัวตนและความคิดเห็นของคนหลายคน อย่างไรก็ตาม บางสัญลักษณ์ อาจนำไปสู่ความขัดแย้ง ความเข้าใจผิด หรือหลายคนอาจเพียงแค่ต้องการสักตามเทรนด์ ซึ่งการสักนั้น ลายที่เราสักจะอยู่ไปกับเราจนตลอดชีวิตเลยก็ว่าได้ ซึ่งหากต้องการสักอะไร ให้คิดให้ถี่ถ้วนก่อนที่จะสักลงบนร่างกายของเรา จะได้ไม่ต้องเสียใจภายหลัง และไม่ต้องเสียเงิน เสียเวลามาเลเซอร์ลบรอยสักให้เจ็บตัว เราจึงรวบรวมสัญลักษณ์ที่ไม่ควรนำมาสัก ที่หลายคนอาจจะเคยเห็นผ่านๆตา แต่อาจไม่ทราบความหมายที่แท้จริงของมัน มาให้ได้อ่านก่อนที่จะตัดสินใจนำมาสักกันนะคะ
สัญลักษณ์ที่ไม่ควรนำมาสักมีอะไรบ้างนะ
1. ธงจักวรรดิญี่ปุ่น
เป็นธงที่ใช้ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ของจักรวรรดิญี่ปุ่นที่ก่อเหตุรุกรานประเทศอื่นๆ และเข้ายึดครองเมืองนานกิง ประเทศจีน มีการก่อเหตุฆ่าข่มขืน ชิงทรัพย์ ตลอดจนการสังหารที่หมู่นานกิง ซึ่งเชื่อว่ามีผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์นี้มากสุดถึง 300,000 คน ซึ่งถูกมองว่าเป็นสัญลักษณ์ความก้าวร้าวของจักรวรรดินิยมญี่ปุ่น ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง
เคยมีเคสของ TIKTOKER สาว ชาวฟิลิปินส์ Bella Poarch ในปี 2020 ได้สักรูปธงชาติธงจักวรรดิญี่ปุ่น กลายเป็นเรื่องราวใหญ่โตบนโลกโซเชียล ชาวเน็ตเกาหลีแห่ต่อว่าเลยเถิดดูถูกทั้งชาติ จนเกิดเป็นเทรนด์ #CancelKorea ติดเทรนด์ทวิเตอร์กันเลยทีเดียว
พอร์ชจึงกล่าวขอโทษและชี้แจงว่า ตอนที่เดธอสักนั้นไม่รู้ประวัติศาสตร์ เธออยู่ในฮาวาย ก็ได้เห็นคนมากมายใช้สัญลักษณ์เดียวกันบนเสื้อผ้า รถยนต์ และเครื่องประดับ จึงได้ตัดสินใจสัก แต่พอเมื่อรู้ความหมายแล้ว จึงได้ทำการปิดรอยสักและนัดวันแก้ไขกับช่าง จึงเป็นเคสตัวอย่างที่หากคุณไม่รู้ความหมายสัญลักษณ์ที่ต้องการสักแล้ว อย่าเพิ่งตัดสินใจ จนกว่าจะได้ทราบความหมาย
2.สวัสติกะ (Sawastika)
เป็นภาษาสันสฤต หมายความว่า สัญลักษณ์แห่งโชคและความอยู่ดีมีสุข มีความหมายเชิงจิตวิญญาณทั้งในวัฒนธรรมฮินดูและพุทธ กรีกโบราณ เซลติก และนอร์ดิก ตลอดจนคริสศาสนาในยุคแรก ๆ ก่อนเรื่องหมายนี้จะถูกหยิบมาใช้โดยกองทหารเยอรมันยุคกลาง สะท้อนความเชื่อมันในศาสนาคริสต์อย่างเข้มข้น
สัญลักษณ์สวัสติกะของนาซีจะมีลักษณะทิศทางหันไปทางขวา (卐) เป็นรูปอักษารโรมันตัว S สองตัวซ้อนกัน ซึ่งย่อมาจากคำในภาษาเยอรมัน โดย S ตัวหนึ่งมาจากคำว่า “Stadt” แปลว่า บ้านเมือง และอีกตัวหนึ่งมาจากคำว่า “Sicherheit” แปลว่า ปลอดภัย
ซึ่งสัญลักษณ์สวัสติกะของฝ่ายนาซี จะเอียงทำมุม 45 องศากับแนวระนาบ
เหตุใดจึงเป็นสัญลักษณ์ต้องห้าม เพราะเกิดเหตุการณ์ นาซีฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยิวเมื่อสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง ซึ่งชาวยิวมากกว่า 5 ล้านคนต้องถูกสังหารจากความโหดร้ายของพรรคนาซี ด้วยวิธีการโหดเหี้ยว ไม่ว่าจะเป็นนำไปทดลองทางการแพทย์ นำไปทรมาน จับขังในห้องรมแก๊ส บังคับใช้แรงงาน ไม่เว้นแมเ้กระทั่งเด็กและผู้หญิง ซึ่งเหตุการณ์นี้ได้สร้างแผลในใจเป็นอย่างมากของผู้รอดชีวิต หรือแม้กระทั่งคนภายนอกที่มองว่าโหดเหี้ยมเกินไป
ซึ่งการสักสัญลักษณ์นี้เป็นความชอบส่วนบุคคล ซึ่งพรรนาซีนั้นก็มีคนที่ต่อต้านและคนที่สนับสนุน ซึ่งการสักเป็นสัญลักษณ์นี้นั้นก็มี หากไม่ได้โชว์ให้ผู้อื่นเห็นก็ไม่น่าจะเป็นปัญหา และหากรู้ความหมายอย่างถ่องแท้แล้วต้องการที่จะสักจริงๆ ก็คงไม่มีใครห้ามได้ แต่หากเป็นรอยสักที่อยนู่ภายนอกร่มผ้า ที่ผู้อื่นสามารถมองเห็นได้ อาจจะถูกมองแปลกๆ หรือร้ายไปกว่านั้น อาจจะถูกทำร้ายได้
เพราะสังคมส่วนมากนั้นมองว่าการกระทำของนาซีนั้น โหดเหี้ยมเกินกว่าจะรับได้
เคยมีเคสตัวอย่างที่ น้ำใส BNK48 ใส่เสื้อสัญลักษณ์สวัสติกะ นาซี ซ้อมเต้นบนเวทีและมีภาพเผยแพร่ออกมา จึงทำให้เจอรุมวิจารณ์เป็นอย่างมากก
3. Ku Klux Klan
‘คูคลักซ์แคลน’ ขบวนการชาตินิยมผิวขาวที่เคยก่อเหตุทำร้ายร่างกายและฆ่าคนผิวสี ในช่วงปี 1860-1871 เป็นสัญลักษณ์ของกลุ่มผู้เหยียดผิวในอเมริกา เวลาก่อกาารร้านจะสวมชุดคลุ่มสีขาว สวมหมวกรูปกรวยสีขาว และมีสัญลักษณ์นี้ของกลุ่มติดที่หน้าอก กลุ่มนี้จะแต่งตัวเช่นนี้เพื่อปกปิดตัวเองเวลาก่อเหตุร้าย
ทำให้ชาวผิวสีตกเป็นเหยื่อของความรุนแรง ถูกทำร้ายเหมือนสัตว์ กลุ่ม Klu Klux Klan มีกฎหมายในมือ คนขาวเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐทั้งสิ้น ในทุกเหตุการณ์ที่มีคนดำเป็นเหยื่อ จะไม่มีใครพูดถึง และถูกปกปิด ไม่มีการดำเนินคดีทั้งสิ้น คนผิวดำ คือ ผู้แพ้ และเป็น “ผู้ผิด” ตลอดกาล และกลุ่มนี้ได้ทำลายทรัพย์สินของคนดำแบบถอนรากถอนโคน ไม่เว้นแม้กระทั่งผู้หญิง หรือเด็ก เมื่อเสร็จภารกิจ ก็จะแยกย้ายสลายตัวกันไป
แต่ในสังคมในอเมริกา ก็ไม่ได้เห็นดีเห็นงาม กับกลุ่ม Klu Klux Klan ไปหมดทุกคน ฝ่ายที่ต่อต้านการเหยียดผิว ต่อต้านการมีทาสก็มีจำนวนไม่น้อย
นี่เป็นตัวอย่างสัญลักษณ์ที่ไม่ควรนำมาสักหรือหากชอบเป็นส่วนตัวแล้วก้อยากให้ศึกษาดีๆ และตัดสินใจให้ถี่ถ้วนก่อนตัดสินใจสักนะคะ
หากใครที่สักมาแล้ว แล้วต้องการแก้หรือลบออกสามารถทำได้มั้ย
ข้อแรกเลยหากต้องการแก้ ข้อนี้ต้องปรึกษากับช่างสักว่าเราต้องการแก้ประมาณไหน ต้องให้ช่างสักประเมินอีกที ซึ่งหากรอยสักที่เคยสักมามีความเข้มมากอาจจะต้องได้เลเซอร์รอยสักเดิมออก 3-4 ครั้งเพื่อให้รอยสักที่สักมามีความจาง และสามารถสักทับหรือแก้ไขได้
ข้อสอง คือต้องการลบออกจนหมด ข้อนี้ต้องมีเวลาพอสมควร เพราะการเลเซอร์ลบรอยสักนั้นต้องใช้เวลาในการรักษา แต่ก็สามารถลบออกจนหมดได้ โดยอาจจจะมีร่องรอยการสักหรือรอยเข็มหลงเหลืออยู่บ้าง ไม่ได้หายไป 100% นะคะ